คำเตือน: บล็อกนี้ไม่เหมาะสำหรับคนรักทักษิณ

“พานทองแท้” ฉาวพกช็อตโน้ตเข้าห้องสอบ [การโกงสอบ]

โฆษกรัฐฯ โยนเรื่องการเมืองรามฯ
โทรศัพท์ลึกลับแจ้งเหตุอาจารย์รามฯจับ “พานทองแท้” พกกระดาษโน้ตเข้าห้องสอบ โทษปรับตกทุกวิชา
พักเรียน 2 เทอม “วิโชติ” อาจารย์ที่ปรึกษา ชี้ ยังไม่ถือว่าผิด ต้องดูว่าโน้ตตรงกับวิชาที่สอบหรือไม่
โฆษกรัฐบาลโดดแก้ต่าง อ้างพบนอกห้อง โยนเป็นเรื่องการเมืองในรามฯ ด้านสื่อรัฐปิดข่าวเงียบ
ขณะที่สื่อเทศตีข่าวฉาวไปทั่วโลก นายกฯเครียดนำ “ลูกโอ๊ค” บินไปใต้ทันควัน

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการบริหารเครือ ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) ต้องตกเป็นข่าวอื้อฉาวอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่พบกระดาษโน้ตในกระเป๋า
ขณะกำลังสอบซ่อมในวิชาพีเอส 421 ของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

โดยเมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (29) มีโทรศัพท์แจ้งไปยังห้องนักข่าวกระทรวงศึกษาธิการว่า
การสอบประจำภาคของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีการทุจริตเกิดขึ้นในวิชาพีเอส 421
การศึกษาระบบการเมืองเชิงวิเคราะห์ ซึ่งนักศึกษาที่ถูกกล่าวหาครั้งนี้คือ นายพานทองแท้ หรือโอ๊ค บุตรชาย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯที่เข้าสอบที่ตึก วีเคบี 402

ขณะเดียวกัน คนกลุ่มนี้ก็ได้กระจายข่าวไปตามกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ
ทำให้นักข่าวแตกตื่นไปทำข่าวที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงจำนวนมาก แต่เมื่อไปถึงไม่พบนายพานทองแท้อยู่ที่นั่น

นายวิโชติ วัณโณ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษานายพานทองแท้ เปิดเผยว่า
ได้ยินข่าวมีกระดาษโน้ตย่อในกระเป๋าของนายพานทองแท้ ในการสอบซ่อมวิชา พีเอส 421
ทฤษฎีวิเคราะห์ระบบการเมือง ซึ่งเป็นข้อสอบอัตนัย ช่วงเวลาสอบ 09.00-12.00 น.ที่อาคารเวียงคำ ห้อง
402 แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด

“ตามขั้นตอนคณะกรรมการคุมสอบจะเป็นผู้ตัดสินว่า มีเจตนาทุจริตการสอบหรือไม่
ซึ่งต้องดูว่ากระดาษโน้ตย่อใกล้เคียงกับรายวิชาที่สอบหรือไม่ ดังนั้นจึงยังบอกไม่ได้ว่านายพานทองแท้ผิดจริง”
นายวิโชติ กล่าว

อาจารย์ที่ปรึกษาบุตรชายนายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายพานทองแท้
แม้จะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาก็ตาม แต่ปกตินายพานทองแท้จะเป็นผู้ติดต่อมา และทราบว่าวานนี้เขามีสอบซ่อมวิชา
พีเอส 421 ในภาคเช้า ซึ่งเป็นวิชาที่เรียนไม่ยาก แต่นายพานทองแท้ เคยลงเรียนวิชานี้แล้ว สอบไม่ผ่าน
ครั้งนี้จึงเป็นการสอบซ่อมใหม่

“ยังไม่เห็นหลักฐาน ยังไม่ถือว่าผิด และคิดว่ามหาวิทยาลัยคงจะมีวิจารณญาณดูตามเหตุที่เกิด ซึ่งเรื่องแบบนี้
ก็มีเป็นปกติ และหากสอบสวนแล้วทุจริตจริงก็ต้องดำเนินการตามระเบียบ ไม่มียกเว้น
หากผิดจริงก็ต้องถูกปรับตกทุกวิชา และงดลงทะเบียน 2 ภาคการศึกษา” นายวิโชติ กล่าว

นายกฯ-คณาจารย์-สื่อรัฐปิดปากสนิท

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังศูนย์อำนวยการสอบของมหาวิทยาลัย
ปรากฏว่าทางศูนย์ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องนี้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
ส่วนอาจารย์ผู้คุมสอบในวิชาดังกล่าวคือนายพิชญ์ สมพอง คณบดีคณะมนุษยศาสตร์
เป็นประธานศูนย์อำนวยการสอบ และอาจารย์สุพร ศุภลักษณ์นารี

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อขอบันทึกการจับกุมจากนายพิชญ์ ก็ได้รับการปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล
โดยอ้างว่าไม่มีอำนาจให้สัมภาษณ์ และแนะนำให้ไปสอบถามเรื่องนี้จากนางรวิวรรณ ศรีคร้ามครัน
คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ส่วนตนยังไม่ได้รับรายงานเพราะมหาวิทยาลัยจะสรุปการทุจริตหลังนักศึกษาสอบเสร็จแล้ว
ต่อมาเมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังนางรวิวรรณ พบว่าได้ออกจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ไปแล้วตั้งแต่เวลา
15.00 น.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อถูกผู้สื่อข่าวตั้งคำถามถึงพฤติกรรมดังกล่าวของบุตรชาย โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ
ก่อนเดินทางออกจากทำเนียบไปทันที

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้บริหารขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.)
ได้ประสานไปยังฝ่ายข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.ขอความร่วมมืองดเสนอข่าวบุตรชายนายกฯ
ขณะที่นายพานทองแท้ได้เดินทางร่วมคณะกับนายกฯไปราชการที่จังหวัดนราธิวาส
โดยขึ้นเครื่องบินกองทัพอากาศที่ ขสทบ.เมื่อเวลา 14.50 น.

โฆษกรัฐบาลโยนการเมืองรามฯป่วน”โอ๊ค”

นายยงยุทธ ติยะไพรัช โฆษกรัฐบาล ชี้แจงว่า จริงๆ แล้วเป็นเพียงกระดาษจดโน้ตย่อ
ซึ่งเป็นธรรมดาเหมือนนักศึกษาทั่วไปที่จดโน้ตย่อ และอาจารย์ผู้ควบคุมการสอบก็ตรวจพบก่อนจะเข้าห้องสอบ
ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ได้ตรวจพบในห้องสอบตามที่เป็นข่าว จึงไม่ใช่เข้าไปเปิดโพยในห้องสอบ

“เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อน และมีการเมืองอยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงเยอะมาก
ว่าพรรคไทยรักไทยหนุนผู้สมัครคนหนึ่งในการเลือกตั้งอธิการบดี” โฆษกสำนักนายกฯ กล่าว

ด้านนายไพศาล เชาวนะ เลขานุการรองอธิการบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษา และหนึ่งในคณะกรรมการคุมสอบ
กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการทุจริตในการสอบ แต่ที่มีข่าวออกไป คงเพราะมีผู้ไม่ประสงค์ดี
จงใจก่อกวน เพื่อหวังผลทางการเมืองภายในมหาวิทยาลัยมากกว่า
หากมีการทุจริตในการสอบก็ต้องลงชื่อรับรองว่ามีนักศึกษาคนใดทุจริต
และคณะกรรมการคุมสอบต้องเซ็นรับทราบตามนั้น

“ผมขอยืนยันการสอบครั้งนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการทุจริตในการสอบ
แต่คณะกรรมการก็ต้องตรวจสอบให้ได้ว่า ใครเป็นผู้ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนเรื่องการทุจริตข้อสอบครั้งนี้”
เลขานุการรองอธิการบดี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีผู้เข้าชิงตำแหน่ง 3 คน ได้แก่
รศ.รังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผศ.ดร. วิวัฒนชัย กุมมาตย์
อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ และดร.วิโชติ
โดยนักศึกษาในนามเครือข่ายประชาธิปไตยที่ถูกมองว่าสนับสนุนผู้สมัครคนหนึ่ง
โดยได้ประท้วงการดำเนินงานของกรรมการสรรหาอธิการบดี ที่ถูกมองว่าเป็นคนของ รศ.รังสรรค์

รังสรรค์”อัด”ยงยุทธ”ปากไวโยนการเมือง

ด้าน รศ.รังสรรค์ กล่าวว่า ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกใคร พ่อจะเป็นใครไม่สำคัญ
มหาวิทยาลัยคงต้องดำเนินการไปตามระเบียบ โดยตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเสียก่อน
คนที่ไม่ทราบรายละเอียดไม่ควรแสดงความเห็น เพราะบางครั้งอาจจะไม่จริงก็ได้

“คนที่บอกเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองเลวร้ายมาก ขอถามว่าคนมาสอบเกี่ยวอะไรกับการเมือง
ผมออกมาอยู่วงนอกคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว โดยเฉพาะมีนักศึกษาสอบนับ 1,000 คน กรรมการคุมสอบเป็น 100
คน มหาวิทยาลัยคงไม่จับผิดเฉพาะคนใดคนหนึ่ง” อดีตอธิการบดีรามคำแหง กล่าว

กลุ่มชายฉกรรจ์พล่านปิดข่าวชี้ “เรื่องเล็ก”

ขณะที่นายวิวัฒนชัย อดีตผู้สมัครอธิการบดีหมายเลข 2 ยืนยันว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา
ตนได้รับแจ้งจากอาจารย์สุพร ศุภลักษณ์นารี ซึ่งเป็นอาจารย์คุมสอบประจำวิชา พีเอส 421 ว่า
มีนักศึกษาที่เป็นบุคคลมีชื่อเสียงคนหนึ่งนำเอกสารเข้าห้องสอบ ซึ่งยังไม่ปรากฏว่า
มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการสอบหรือไม่ จากนั้นได้เชิญนักศึกษาคนดังกล่าวออกจากห้องสอบ
แต่ก็ไม่มีรายงานว่าจะลงโทษนักศึกษาผู้นั้นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการสัมภาษณ์แหล่งข่าวต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง
โดยเฉพาะนายวิวัฒนชัย ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 3-4 คน ยืนคุมเชิงอยู่ตลอดเวลา
และพูดจาในทำนองข่มขู่ก้าวร้าวใส่แหล่งข่าว ทั้งยังกำชับไม่ให้พูดเรื่องนี้มาก โดยระบุว่าเป็นแค่ข่าวลือ
อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ข่าวการทุจริตการสอบของบุตรชายนายกฯ
ได้รับความสนใจจากสำนักข่าวต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยสำนักข่าวเอพี ได้ตีแผ่ข่าวฉาวนี้ไปทั่วโล

การแสดงความเห็นถูกปิด